ความหมายและการจำแนกประเภทของพืช
พืช หมายถึง สิ่งมีชีวิตชั้นสูงที่สามารถสังเคราะห์อาหารเองได้
พืชจึงจัดเป็นผู้ผลิตในระบบนิเวศ เช่น มะม่วง กุหลาบ มอส เห็น รา แหน เป็นต้น
พืชสามารถแบ่งออกได้ 2 พวกใหญ่ๆ คือ พืชดอกและพืชไม่มีดอก
1.พืชดอก คือ
พืชที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะมีอวัยวะส่วนต่างๆ ครบถ้วน คือ มีดอก ราก ลำต้น ใบ
ผล และเมล็ด จัดเป็นพืชชั้นสูง
*ดอก คือส่วนที่มีองค์ประกอบของอวัยวะสืบพันธุ์และใช้ขยายพันธุ์ออกไป
ได้แก่ พืชส่วนมากที่เราพบเห็นอยู่ทั่วไป เช่น มะม่วง ลำไย กุหลาบ มะลิ ถั่ว พริก
ข้าว กล้วย อ้อย ข้าวโพด มะละกอ มะเขือ เป็นต้น
2.พืชไม่มีดอก คือ พืชที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะไม่มีดอกใช้สำหรับสืบพันธุ์
เป็นพืชที่มีวิวัฒนาการต่ำกว่าพืชมีดอก มีจำนวน ชนิด ไม่มากเท่าพืชมีดอก
เราจึงพบเห็นได้น้อยกว่าพืชมีดอก ได้แก่ เห็ด รา เฟิร์น สน ปรง แป๊ะก๊วย หวายทะนอย
หญ้าถอดปล้อง (หญ้าหางม้า) เป็นต้น
โครงสร้างของพืช หมายถึง ส่วนประกอบของพืช โดยปกติพืชโดยทั่วไปจะประกอบด้วย ราก
ลำต้น และใบเมื่อโตเต็มที่จะออกดอก
และดอกจะเจริญเติบโตจนกลายเป็นผลพืชหลายๆชนิดจะมีลักษณะนานจึงจะออกดอกสัก ครั้ง
จึงทำให้เหมือนกับว่าเป็นพืชไม่มีดอก เช่น ตะบองเพ็ชร ตะไคร้ กล้วยไม้บางชนิด พืชบางชนิดแม้เจริญเติบโตเต็มที่
นานเท่าไร ก็ยังไม่มีดอก เรียกพืชชนิดนี้ว่า พืชไม่มีดอก พืชชนิดนี้จะประกอบด้วย
ราก ลำต้น และใบ
ส่วนประกอบของพืช
หน้าที่ของราก - ยึดลำต้นให้แข็งแรง
ติดอยู่กับดินไม่ให้โค่นล้มได้ง่าย- รากทำหน้าที่ดูดน้ำและแร่ธาตุอาหารในดิน
เพื่อนำไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของพืช
การทำหน้าที่พิเศษของราก
1.
รากอากาศ เป็นรากที่เจริญออกจากลำต้นแล้วไม่ได้เจริญพุ่งลงสู่ดินแต่จะเกาะติดกับสิ่งอื่นหรือห้อยอยู่ในอากาศ
ช่วยดูดความชื้นจากอากาศ เข้าสู่ลำต้น เช่น ไทร กล้วยไม้ ฯลฯ
2.
รากค้ำจุน เป็นรากที่เจริญออกมาจากลำต้น
คล้ายรากอากาศ แต่จะหยั่งลึกลงสู่พื้นดินหรือพื้นน้ำ ช่วยค้ำจุนลำต้น เช่น โกงกาง
ฯลฯ
ส่วนประกอบของราก
1. หมวกราก มีส่วนที่มีการเจริญเติบโต
อยู่บริเวณปลายสุด ยึดตัวให้ราก หยั่งลึกลงในดิน และยังทำหน้าที่ป้องกันอันตราย
2.รากขนอ่อน อยู่บริเวณผิวของราก ทำหน้าที่ดูดอาหาร ได้แก่ น้ำและ
สารอาหารพืช
จำแนกตามลักษณะรูปร่าง แบ่งเป็น
รากสามัญ คือ รากที่งอกออกมาจากเมล็ด ได้แก่ รากแก้ว รากแขนง รากกิ่ง
รากวิสามัญ คือ รากที่ไม่ได้งอกออกมาจากเมล็ด
รากแก้ว
รากแขนง
รากฝอย
รากค้ำจุน
รากเกาะเกี่ยว
รากสังเคราะห์แสง
รากหายใจ
รากสะสมอาหาร
ลำต้น คือ
ส่วนของพืชที่เจริญเติบโตขึ้นสู่อากาศ
และทำหน้าที่หลักเป็นโครงสร้างค้ำจุนและลำเลียงน้ำและธาตุอาหารโดยผ่านท่อลำเลียงน้ำไปยังส่วนต่างๆ
ภายในลำต้นพืชมีโครงสร้างที่ใช้ในการลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร
เรียกว่า ท่อลำเลียงน้ำ (Xylem) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ที่เรียงต่อกันเป็นท่อยาวตั้งแต่รากไปยังลำต้น กิ่ง
และใบ เพื่อลำเลียงน้ำ
และธาตุอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของพืช
และลำเลียงน้ำไปสู่ใบเพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสง
อาหารที่พืชสร้างได้จะถูกลำเลียงจากใบไปยังส่วนต่างๆ ของพืชโดยผ่านท่อลำเลียงอาหาร
(Phloem) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ที่เรียงตัวกันเป็นท่อยาวแทรกอยู่คู่กับท่อลำเลียงน้ำ
หน้าที่ของลำต้น
• เป็นทางลำเลียงน้ำ และอาหารจากรากสู่ส่วนต่าง ๆ ของพืช
• เป็นโครงสร้างหลักเพื่อให้ส่วนประกอบ อื่นๆ
สามารถอยู่รวมกันได้
• ลำต้นทำหน้าที่ชูกิ่ง ก้าน ใบ ดอก เพื่อรับแสงแดด
ในกระบวรการของสังเคราะห์แสง
ลักษณะของลำต้น
1. ลำต้นเจริญเติบโตสู่อากาศ
ต้านแรงดึงดูดโลก
2. ลำต้นมีข้อ ปล้อง ตา
3. ลำต้นมีคลอโรฟิลล์
ส่วนประกอบของลำต้น
รูปร่างของลำต้น
ลำต้นอาจจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างและหน้าที่ไป
ทำให้มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. ลำต้นยึดเกาะ เป็นลำต้นที่อยู่บนดินและมีลักษณะพิเศษคือเป็นเหมือนมือเกาะยึด
เป็นลำต้นที่เปลี่ยนไปทำหน้าที่ยึดเกาะกับหลักที่อยู่ใกล้เคียง เช่น บวบ ฟักทอง
ตำลึง ฯลฯ
4. ลำต้นที่อยู่ใต้ดิน ทำหน้าที่สะสมอาหารมีลักษณะอวบอ้วน
เช่น มันฝรั่ง แห้ว เผือก และลำต้นใต้ดินบางชนิดอัดซ้อนกันแน่น เช่น หอม กระเทียม
5. ลำต้นเป็นเหง้า เป็นลำต้นสะสมอาหารที่มีปล้องและข้อสั้นๆ
เจริญขนานกับพื้น ที่ข้อมีใบเล็กๆ คล้ายเกล็ดหุ้ม เช่น ข่า ขิง
*ดอก คือส่วนที่มีองค์ประกอบของอวัยวะสืบพันธุ์และใช้ขยายพันธุ์ออกไป
ได้แก่ พืชส่วนมากที่เราพบเห็นอยู่ทั่วไป เช่น มะม่วง ลำไย กุหลาบ มะลิ ถั่ว พริก
ข้าว กล้วย อ้อย ข้าวโพด มะละกอ มะเขือ เป็นต้น
2.พืชไม่มีดอก คือ พืชที่เจริญเติบโตเต็มที่แล้วจะไม่มีดอกใช้สำหรับสืบพันธุ์
เป็นพืชที่มีวิวัฒนาการต่ำกว่าพืชมีดอก มีจำนวน ชนิด ไม่มากเท่าพืชมีดอก
เราจึงพบเห็นได้น้อยกว่าพืชมีดอก ได้แก่ เห็ด รา เฟิร์น สน ปรง แป๊ะก๊วย หวายทะนอย
หญ้าถอดปล้อง (หญ้าหางม้า) เป็นต้นหน้าที่ของราก - ยึดลำต้นให้แข็งแรง ติดอยู่กับดินไม่ให้โค่นล้มได้ง่าย- รากทำหน้าที่ดูดน้ำและแร่ธาตุอาหารในดิน เพื่อนำไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของพืช
การทำหน้าที่พิเศษของราก
2.รากขนอ่อน อยู่บริเวณผิวของราก ทำหน้าที่ดูดอาหาร ได้แก่ น้ำและ สารอาหารพืช
ภายในลำต้นพืชมีโครงสร้างที่ใช้ในการลำเลียงน้ำและธาตุอาหาร เรียกว่า ท่อลำเลียงน้ำ (Xylem) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ที่เรียงต่อกันเป็นท่อยาวตั้งแต่รากไปยังลำต้น กิ่ง และใบ เพื่อลำเลียงน้ำ
และธาตุอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของพืช และลำเลียงน้ำไปสู่ใบเพื่อใช้ในการสังเคราะห์แสง อาหารที่พืชสร้างได้จะถูกลำเลียงจากใบไปยังส่วนต่างๆ ของพืชโดยผ่านท่อลำเลียงอาหาร (Phloem) ซึ่งเป็นกลุ่มเซลล์ที่เรียงตัวกันเป็นท่อยาวแทรกอยู่คู่กับท่อลำเลียงน้ำ
• เป็นทางลำเลียงน้ำ และอาหารจากรากสู่ส่วนต่าง ๆ ของพืช
• เป็นโครงสร้างหลักเพื่อให้ส่วนประกอบ อื่นๆ สามารถอยู่รวมกันได้
• ลำต้นทำหน้าที่ชูกิ่ง ก้าน ใบ ดอก เพื่อรับแสงแดด ในกระบวรการของสังเคราะห์แสง
ลักษณะของลำต้น
ลำต้นอาจจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างและหน้าที่ไป ทำให้มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ดังนี้
ส่วนประกอบของตา
2. ตาข้าง คือ
จะอยู่ด้านข้างของลำต้นหรือที่ง่ามใบ
1. ตาใบ คือ ส่วนของตาที่เจริญไปเป็นใบ
ใบ เป็นส่วนประกอบของพืชที่มีสีเขียว
ทำหน้าที่สร้างอาหาร อาหารที่สร้างขึ้นคือ น้ำตาล แล้วเปลี่ยนเป็นแป้ง
การสร้างอาหารของพืชต้องใช้น้ำ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แสง
และคลอโรงฟิลล์ซึ่งเป็นสารสีเขียวในใบพืช กระบวนการนี้เรียกว่า การสังเคราะห์แสง ผลที่ได้จากการสังเคราะห์แสงนั้น
นอกจากจะได้น้ำตาลแล้วยังได้ก๊าซออกซิเจน และน้ำออกมาด้วย
ใบนอกจากจะทำหน้าที่สร้างอาหารเป็นหน้าที่หลักแล้ว
ยังทำหน้าที่คายน้ำ หายใจ และสะสมอาหารอีกด้วย
ส่วนประกอบของใบ
ใบมีส่วนประกอบ ดังนี้
ก้านใบ เป็นส่วนที่ต่อจากลำต้นไปเส้นใบ
แผ่นใบ ลักษณะใบมีสีเขียว มีรูปร่างต่างๆ กัน
เส้นใบ เป็นเส้นภายในใบ ทำหน้าที่ลำเลียงสาร
แผ่นใบ ลักษณะใบมีสีเขียว มีรูปร่างต่างๆ กัน
เส้นใบ เป็นเส้นภายในใบ ทำหน้าที่ลำเลียงสาร
จำแนกตามหน้าที่ ได้เป็น 3 ชนิด คือ
1. ใบเลี้ยง
2. ใบแท้
3. ใบดอก
จำแนกตามจำนวนใบที่แยกออกจากก้านใบ ได้เป็น 2 ชนิด คือ
จำแนกตามจำนวนใบที่แยกออกจากก้านใบ ได้เป็น 2 ชนิด คือ
4. ใบเดี่ยว คือ
ใบที่แตกออกจากก้านใบ หรือกิ่งออกมาเป็นใบโดดๆ เพียงใบเดียว
5. ใบประกอบ
ใบซึ่งประกอบด้วยใบย่อยๆ หลายๆ ใบติดอยู่กับก้านใบ 1 ก้านเช่น
§ ใบย่อยแตกออกจากกิ่งตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ
เช่น ใบมะยม
§ ใบย่อยออกจากกิ่งตำแหน่งเดียวกันเป็นวงกลม
เช่น ลั่นทม
จำแนกตามลักษณะใบเลี้ยงของพืช
จำแนกตามลักษณะใบเลี้ยงของพืช
ลักษณะของเส้นใบมีอยู่ 2 แบบ คือ
1. เส้นใบที่เรียงขนานกัน
§ เส้นใบที่เรียงขนานกันจากฐานใบถึงปลายใบ
เช่น หญ้า ข้าวโพด อ้อย ต้นไผ่
2. เส้นใบที่ขนานจากเส้นกลางใบถึงขอบใบ
เช่น ขิง กล้วย พุทธรักษา
เส้นใบที่สานเป็นร่างแห มีความแตกต่างกัน 2 แบบ
คือ
- มีเส้นใบแยกจากจุดเดียวกันที่โคนไปถึงปลายใบ
เช่น ตำลึง มะละกอ
- มีเส้นใบแยกออกจากเส้นกลางใบ
เช่น ชบา ฯลฯ

หน้าที่ของใบ
• สังเคราะห์แสง โดยในใบจะมีสารสีเขียวที่เรียกว่า คลอโรฟิลล์ เมื่อใบรับแงแดด ปากใบรับเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากอากาศเข้ามา และอาศัยน้ำที่รากดูดขึ้นมา เพื่อ ทำการสังเคราะห์ด้วยแสง ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง คือแป้งและออกซิเจน
• ทำหน้าที่นำก๊าซออกซิเจนเข้าทางปากใบ แล้วคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
• ใบทำหน้าที่คายน้ำ
• สังเคราะห์แสง โดยในใบจะมีสารสีเขียวที่เรียกว่า คลอโรฟิลล์ เมื่อใบรับแงแดด ปากใบรับเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากอากาศเข้ามา และอาศัยน้ำที่รากดูดขึ้นมา เพื่อ ทำการสังเคราะห์ด้วยแสง ผลที่ได้จากการสังเคราะห์ด้วยแสง คือแป้งและออกซิเจน
• ทำหน้าที่นำก๊าซออกซิเจนเข้าทางปากใบ แล้วคายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
• ใบทำหน้าที่คายน้ำ
หน้าที่ของดอก ผล และเมล็ด
• ดอกมีหน้าที่ห่อหุ้มส่วนต่างๆ ที่จำเป็นในการสืบพันธ์ของพืช
• ทำหน้าที่สืบพันธุ์ โดยดอกจะมีสีสันที่สวยงามเพื่อใช้ล่อแมลงให้มาดูดน้ำหวาน เพื่อนำเกสรไปผสมกับดอกอื่น
• ผล มีหน้าที่ห่อหุ้มต้นอ่อนและเมล็ด
• เมล็ดมีหน้าที่ในการขยายพันธุ์
• ดอกมีหน้าที่ห่อหุ้มส่วนต่างๆ ที่จำเป็นในการสืบพันธ์ของพืช
• ทำหน้าที่สืบพันธุ์ โดยดอกจะมีสีสันที่สวยงามเพื่อใช้ล่อแมลงให้มาดูดน้ำหวาน เพื่อนำเกสรไปผสมกับดอกอื่น
• ผล มีหน้าที่ห่อหุ้มต้นอ่อนและเมล็ด
• เมล็ดมีหน้าที่ในการขยายพันธุ์
ดอก
คือ เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการสืบพันธุ์
ลักษณะดอกของพืชแต่ละชนิดแตกต่างกันทั้งรูปร่าง ขนาด สี และกลิ่น
ชนิดของดอก
ดอกเดี่ยว คือ
ดอกที่ขึ้นมาจากก้านชูดอกเพียงก้านเดียว เช่น กุหลาบ บัว ชบา ทิวลิป ฯลฯ
ดอกช่อ คือ
ดอกหลายๆ ดอกที่ออกมาจากกิ่งเดียวกัน ถ้ารวมเป็นกระจุกแน่นมักเรียกว่า ดอกรวม เช่น
ดอกเฟื่องฟ้า ดอกเข็ม ฯลฯ
หน้าที่ของดอก
หน้าที่สำคัญของดอก คือ
สืบพันธุ์โดยมีเกสรตัวผู้ และเกสรตัวเมีย เป็นตัวการในการผสมพันธุ์
เกสรตัวผู้ ประกอบด้วย
ก้านชูอับละอองเรณู อับละอองเรณู ละอองเรณู
เกสรตัวเมีย ประกอบด้วย
ยอดเกสรตัวเมีย รังไข่
ส่วนประกอบของดอก
กลีบเลี้ยง เป็นกลีบที่อยู่นอกสุด
มักมีสีเขียว ทำหน้าที่ป้องกันดอกเมื่อดอกยังอ่อนอยู่
กลีบดอก มีสีสันสวยงาม
ทำหน้าที่ล่อแมลงให้เข้ามาช่วยในการผสมพันธุ์
และช่วยห่อหุ้มเกสรในขณะที่ดอกยังไม่บาน
เกสรตัวผู้ มีอับเกสรตัวผู้
ทำหน้าที่ผสมพันธุ์พืชดอก
เกสรตัวเมีย ประกอบด้วย
ยอดเกสรตัวเมีย คอเกสรตัวเมีย และรังไข่
ฐานรองดอก เป็นที่รองรับกลีบเลี้ยง
กลีบดอก เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย
ก้านดอก ทำหน้าที่ชูดอกให้เด่น
เพื่อสะดวกในการผสมพันธุ์
การถ่ายละอองเรณู คือ
การที่ละอองเรณูไปตกบนยอดเกสรตัวเมีย
การปฏิสนธิ เกิดขึ้นเมื่อละอองเรณูได้รับอาหารที่ยอดเกสรตัวเมีย
แล้วเข้าไปผสมกับไข่ (ออวุล) ในรังไข่ของเกสรตัวเมีย
การเปลี่ยนแปลงหลังการปฏิสนธิ
รังไข่จะเจริญเป็นผลและออวุลจะเจริญเป็นเมล็ดต่อไป
โดยปกติดอกไม้ที่มี กลีบเลี้ยง กลีบดอก
เกสรตัวผู้ เกสรตัวเมีย ครบ 4 อย่างหลักนี้
จัดเป็น ดอกสมบูรณ์ แต่ถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ครบ 4
อย่างนี้ เรียกว่า ดอกไม่สมบูรณ์
ดอกไม้ส่วนใหญ่จะมีเกสรเพศผู้
และเกสรเพศเมียอยู่ในดอกเดียวกัน เราเรียกว่า ดอกสมบูรณ์เพศ เช่น ดอกกุหลาบ โหระพา
กระเพรา พริก มะเขือ แต่มีดอกไม้บางชนิดที่มีเกสรเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เราเรียกว่า
ดอกไม่สมบูรณ์เพศ เช่น บวบ มะระ แตงชนิดต่างๆ ฟักทอง ตำลึง มะพร้าว
ดอกที่มีแต่เกสรตัวผู้เรียกว่า ดอกเพศผู้ และดอกที่มีแต่เกสรตัวเมียเรียกว่า
ดอกเพศเมีย
ดอกไม้บางชนิดไม่มีกลีบดอก เช่น
ดอกหน้าวัว ดอกคริสมาสต์ บางชนิดมีกลีบดอกเล็ก ไม่เด่นออกมา เช่น ดอกเฟื้องฟ้า
ดอกดอนย่า
ดอกไม้เหล่านี้จะมีส่วนที่เป็นใบเปลี่ยนแปลงไปเหมือนกลีบดอกทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นกลีบดอก
ผล
คือ ส่วนของรังไข่ที่เจริญเติบโตภายหลังจากการผสมพันธุ์แล้ว ผนังรังไข่ชั้นนอกสุด
จะเจริญเป็นเปลือกของผล แต่ผลบางชนิดไม่ได้เจริญเติบโตมาจากรังไข่
แต่เจริญเติบโตมาจากฐานรองดอก เรียกว่า ผลเทียม เช่น ฝรั่ง
ส่วนประกอบของผล
มี 3 ส่วน คือ เปลือก เนื้อ เมล็ด
ผลบางชนิดมีเปลือก 3 ชั้นด้วยกันคือ
-เปลือกชั้นนอกสุด
ส่วนมากมักเรียบเหนียวและเป็นมัน
-เปลือกชั้นกลาง
ในผลไม้บางชนิดจะบางมาก แต่บางชนิดก็มีเนื้อเยื่อที่หนามาก
-เปลือกชั้นในสุด ประกอบด้วย
เซลล์ชั้นเดียวหรือหลายชั้นจนหนามาก บางครั้งก็เป็นเนื้อนุ่มใช้รับประทานได้
หน้าที่ของผล
ผลมีหน้าที่ห่อหุ้มเมล็ด
ผลเปลี่ยนมาจากรังไข่หรือฐานรองดอกภายหลังที่ดอกได้รับการปฏิสนธิแล้ว
ส่วนประกอบของเมล็ด
เปลือกหุ้มเมล็ด
เป็นส่วนที่อยู่นอกสุดของเมล็ดมีลักษณะเป็นเนื้อเยื่อ 2 ชั้น เปลือกชั้นนอกจะหนา แข็งและเหนียว
ช่วยป้องกันอันตรายจากแมลงและจุลินทรีย์
ใบเลี้ยง เป็นส่วนที่อยู่ติดกับต้นอ่อน
ในพืชใบเลี้ยงคู่จะมีใบเลี้ยง 2 ใบ
ส่วนพืชใบเลี้ยงเดี่ยวจะมีใบเลี้ยง 1 ใบ
และเก็บสะสมอาหารไว้สำหรับเลี้ยงต้นอ่อน
หน้าที่ของเมล็ด
เมล็ดมีหน้าที่ในการแพร่พันธุ์พืช
โดยอาศัยลม น้ำ คน และสัตว์พาไป หรือโดยการดีดกระเด็นไปเอง
การงอกของเมล็ด
เมล็ดพืชหลายชนิดจะงอกได้ทันทีที่อยู่ในสภาพแวดล้อมและความพร้อมของเมล็ดพืชเอื้ออำนวยต่อการงอก
เช่น เมล็ดข้าว เมล็ดถั่ว ฯลฯ บางชนิดจะมีการพักตัวของเมล็ด
ถึงแม้จะตกไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมก็ตาม ก็จะไม่งอก
ต้องเก็บไว้สักระยะหนึ่งแล้วนำไปเพาะจึงจะงอก
เช่น พุทรา ฝรั่ง เมล็ดพืชบางชนิด เช่น ขนุน มะละกอ โกงกาง จะงอกเร็วมาก
จนบางครั้งงอกทั้งๆ ที่เมล็ดยังอยู่ในผล และที่ยังไม่หล่นจากต้น
-สภาพของเมล็ด
เมล็ดต้องอยู่ในสภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์ และแก่เต็มที่ ไม่มีแมลงและรารบกวน
-น้ำและความชื้น น้ำจะช่วยทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนนุ่มและแตกออกรากและยอดของต้นอ่อนสามารถงอกโผล่ออกมาได้
-อุณหภูมิพอเหมาะ
เมล็ดพืชจะงอกได้ในสภาพแวดล้อมเหมาะสมไม่ร้อนหรือหนาวจนเกินไป
อุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 20-30 องศาเซลเซียส
-ก๊าซออกซิเจน
พืชต้องการก๊าซออกซิเจนเพื่อเผาผลาญสารอาหารให้เปลี่ยนเป็นพลังงาน
สำหรับใช้ในการงอกของเมล็ด
ประโยชน์ของเมล็ดพืช
-การดำรงพันธุ์ของพืช
-เป็นอาหารของสิ่งมีชีวิต
-การอุตสาหกรรม เช่น ข้าวบาร์เลย์
ใช้ในอุตสาหกรรมเบียร์
-การเพาะปลูก
ที่มาของแหล่งข้อมูล
-https://natthapong2935.wordpress.com/
-https://sites.google.com/site/oranuchscience/wicha-withyasastr-p-4/bth-thi-3-kar-darng-chiwit-khxng-phuch
-http://stu.rbru.ac.th/~s5415261038/
-http://innovation.kpru.ac.th/web18/551121822/innovation/index.php/2
ลิงก์เพิ่มเติมในการสืบค้นหาข้อมูล
การดำรงชีวิตของพืช
https://sites.google.com/site/oranuchscience/wicha-withyasastr-p-4/bth-thi-3-kar-darng-chiwit-khxng-phuch
http://stu.rbru.ac.th/~s5415261038/
ที่มาของแหล่งข้อมูล
-https://natthapong2935.wordpress.com/
-https://sites.google.com/site/oranuchscience/wicha-withyasastr-p-4/bth-thi-3-kar-darng-chiwit-khxng-phuch
-http://stu.rbru.ac.th/~s5415261038/
-http://innovation.kpru.ac.th/web18/551121822/innovation/index.php/2
ลิงก์เพิ่มเติมในการสืบค้นหาข้อมูล
การดำรงชีวิตของพืช
https://sites.google.com/site/oranuchscience/wicha-withyasastr-p-4/bth-thi-3-kar-darng-chiwit-khxng-phuch
http://stu.rbru.ac.th/~s5415261038/